เลี้ยงลูกแบบนกอินทรีย์ อย่าเลื่อนผ่านหากอยากให้ลูกได้ดี

หมวดหมู่สินค้า: บทความ

22 พฤษภาคม 2563

ผู้ชม 2421 ผู้ชม



เลี้ยงลูกแบบนกอินทรีย์ อย่าเลื่อนผ่านหากอยากให้ลูกได้ดี

นกอินทรีย์ ได้ชื่อว่าเป็นราชาแห่งนกที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก ซึ่งพวกมันสามารถมีอายุอยู่ได้นานถึง 70 ปี เรามักจะมองนกอินทรีย์ เป็นนกที่แข็งแกร่ง มีความสง่างาม และน่าเกรงขาม แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า กว่ามันจะได้เป็นราชานกที่สง่างามแบบนี้ ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

สิ่งสำคัญของเหล่านกชนิดต่างๆ ก็คือ การทำรัง และนกอินทรีย์ก็เช่นกัน ซึ่งก่อนจะวางไข่ พ่อแม่นกอินทรีย์จะช่วยกันสร้างรัง บนหน้าผาที่สูงชัน เพราะเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกรบกวนจาก สั ต ว์ อื่นได้เป็นอย่างดี โดยนกอินทรีย์จะสร้างรังถึง 5 ชั้น ดังนี้

 

ชั้นที่ 1 จะเป็นก้อนหิน นกอินทรีย์จะหาก้อนหินก้อนใหญ่มาให้เป็นกรอบ ให้เป็นวงที่มีขนาดพอตัวของมัน

ขั้นที่ 2 จะเป็นท่อนไม้ใหญ่ ไขว้กันไปมา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับรังของมัน

ชั้นที่ 3 จะเป็นกิ่งไม้ที่มีหนามขนาดใหญ่ ที่วางพลาดไปมาบนท่อนไม้

ชั้นที่ 4 จะวางใบไม้หนาๆไว้ เป็นการป้องกันหนามที่แหลมคมให้ลูกนก และยังเป็นที่นอนได้

ชั้นที่ 5 แม่นกจะจิกขนอ่อนใต้ปีกของตัวเอง แล้วนำมาปูทับด้านบนสุด เพื่อให้เป็นที่นอนแสนนุ่มสบาย

ทั้งหมดนี้เป็นการทำรังของนกอินทรีย์ เตรียมพร้อมให้กับลูกนกตัวน้อยที่กำลังจะเผชิญกับโลก และเมื่อมันใช้เวลาเลี้ยงลูกให้โตขึ้นระดับหนึ่ง จะเป็นการฝึกลูกนกอินทรีย์ให้เข็มแข็ง และช่วยเหลือตัวเองได้ในขั้นต่อไป

 

ขั้นตอนการฝึกลูก ของนกอินทรีย์

ขั้นที่ 1 แม่นกจะเริ่มฝึกลูกให้รู้จักกับความลำบากทีละน้อย ก่อนอื่นแม่นกจะเอาขนนุ่มๆที่ปูไว้บนรังออก เพื่อให้ลูกไม่ได้นอนสบายเหมือนเดิม แรกๆลูกนกก็จะร้อง เพราะยังไม่ชิน แต่สักพักพวกมันก็จะเริ่มชินกับความลำบากที่เจอ

ขั้นที่ 2 แม่นกจะเอาชั้นต่อไปออก นั่นคือใบไม้ ตอนนี้จะเหลือแต่กิ่งไม้แข็งๆกับหนาม ลูกนกก็ต้องพยายามปรับตัวและนอนให้ได้ ข้อดีของการนอนบนหนามที่ฝึกลูกนก เวลาที่นอนพลิกตัวไปมาแล้วโดนหนาม ทิ่ ม จะทำให้รู้สึกตัว และมีสติอยู่ตลอดเวลา ถึงแม้จะกำลังนอนอยู่ก็ตามที เป็นการระวังตัวในทุกเวลา

ขั้นที่ 3 เอาชั้นที่เป็นกิ่งไม้หนามออก ถึงตอนนี้แม้แต่กิ่งไม้หนามก็ไม่มีให้นอนแล้ว เหลือแต่ท่อนไม้แข็งๆกับก้อนหินชั้นล่างสุด ลูกนกจึงต้องเรียนรู้ที่จะใช้ขาเกาะท่อนไม้ เพื่อฝึกให้กล้ามขาแข็งแรง และหลับโดยเกาะกิ่งไม้นอน

ขั้นที่ 4 เอาท่อนไม้ออก เหลือเพียงแค่ก้อนหินแข็งๆ ทำให้ลูกนกเจอกับความลำบากที่สุดตั้งแต่เคยเจอมา แม้แต่ท่อนไม้ก็ไม่มีให้เกาะ เป็นการสร้างความอดทน เตรียมความพร้อมให้ลูกๆฝึกบิน

ขั้นที่ 5 สอนบิน เมื่อถึงการฝึกบิน แม่นกจะเริ่มคาบลูกนกทีละตัว ออกไปโบยบินบนท้องฟ้า ให้ลูกๆชินกับความสูง อากาศที่หนาวเย็น ลมแรงๆ แล้วพากลับรัง แล้ววนกลับไปคาบมาฝึกจนครบทุกตัวในรัง

ขั้นที่ 6 แม่นกจะพาลูกนกบิน แต่คราวนี้จะกางปีกให้ลูกนกปีกขึ้นมาแทน แล้วพาบินไปบนท้องฟ้า จากนั้นก็พากลับรัง แล้วก็ทำแบบนี้เรื่อยๆ แต่จะเริ่มพาบินขึ้นไปสูงเรื่อยๆ ให้ลูกนกเริ่มจะชินกับการบินบนท้องฟ้า

คราวนี้แม่นกจะพาบินไปมาอย่างรวดเร็ว และบินสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ลูกนกยังไม่ทันตั้งตัว แม่นกก็จะสลัดปีกตัวเองอย่างแรงจนลูกนกลอยอยู่กลางอากาศ และตกลงมาด้วยความเร็ว

ด้วยความตกใจ ลูกนกร้องลั่น พยายามกางปีกออกมาเพื่อที่จะพยุงตัวเอง แต่ยังไม่ทันได้กางปีก แม่นกก็จะรีบบินมารับไว้ แล้วพาบินกลับรังอย่างปลอดภัย แล้วก็ฝึกแบบนี้ไปจนครบทุกตัว

แม่นกอินทรีย์จะฝึกลูกๆแบนี้ จนในที่สุดลูกนกก็จะสามารถกางปีกและบินได้เอง ถึงวันนั้นก็ถือว่าหน้าที่ของพ่อแม่นก เป็นที่สิ้นสุดและประสบความสำเร็จ

การเลี้ยงลูกของนกอินทรีย์ เป็นการฝึกให้ลูกเคยชินกับความลำบาก และให้รู้จักความอดทน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เมื่อโตขึ้นลูกนกเหล่านี้ก็จะกลายเป็นราชานกที่แข็งแกร่ง และดูสง่มงามในที่สุด

ดังนั้นพ่อแม่ก็ควรจะสอนให้ลูกช่วยเหลือตัวเองให้ได้ ฝึกให้เขาพบเจอกับความลำบาก เพื่อให้เขามีภูมิคุ้มกันและแข็งแรงพอที่จะใช้ชีวิตด้วยตัวเองได้ เพราะพ่อแม่ไม่สามารถอยู่ดูแลลูกไปได้ทั้งชีวิตพวกเขาหรอก การปล่อยให้เขาได้เติบโตด้วยตัวเอง จะทำให้เขาปกป้องตัวเองได้ และไม่ถูกใครรังแก รักลูก ก็ต้องรักให้เป็น อย่ารักผิดวิธี

ขอขอบคุณที่มา :  bitcoretech.com/